วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่



ป้องกัน ไข้หวัด2009
ใส่หน้ากากป้องกัน ไข้หวัด2009 อย่างไร

  วิธีการใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน ไข้หวัด2009 อย่างถูกต้อง คือ การใส่แล้วทำให้อากาศผ่านตัวหน้ากาก เพราะหน้ากากจะได้กรองเอาละอองไป ส่วนการใส่หน้ากากที่ไม่มิดชิดหรือมีรูรั่วจะไม่เกิดประโยชน์ในแง่การกรองเลย อาจจะแค่ป้องกันละอองใหญ่ๆ ที่กระเด็นมาโดนหน้า
  1. ใส่ N95 แต่ใส่ไม่มิด...ป้องกันละอองไม่ได้ ไม่เท่
  2. หน้ากากทักซิโด้ ไม่คลุมจมูก...ป้องกันไม่ได้ แต่เท่
  3. หน้ากากแสงจันทร์...โอเค คลุมมิด พอป้องกันได้...ดูไม่เท่เท่าไหร่
  จะเลือกเท่หรือเลือกติด ไข้หวัด2009 ก็ต้องเลือกเอา

ถ้าไม่มีหน้ากาก ทำอย่างไรถึงจะป้องกัน ไข้หวัด2009

  ถ้าไม่มีหน้ากากให้จามใส่ทิชชู่ จากนั้นก็ทิ้ง แต่ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ควรจะใช้อะไรมาบังปากไว้ แต่ปัญหาคือถ้าเราใช้มือ พอเราเดินไปก็จะเอาน้ำลายไปป้ายที่อื่นๆ ได้ ดังนั้น จึงขอแนะนำว่าเวลาไอ จาม ให้ไอ จาม ใส่ข้อพับแขน เป็นคำแนะนำที่กองควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกาแนะนำกัน
การล้างมือป้องกัน ไข้หวัด2009
การล้างมือที่มีประสิทธิภาพ 7 ขั้นตอน
ทุกขั้นตอน ทำ 5 ครั้ง สลับกันทั้ง 2 ข้าง
  1. ฝ่ามือถูกัน 2. ฝ่ามือถูหลังมือ และนิ้วถูซอกนิ้ว 
   
  3. ฝ่ามือถูฝ่ามือ และนิ้วถูซอกนิ้ว 4. หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ 
   
  5. ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบ ด้วยฝ่ามือ 6. ปลายนิ้วถูขวางฝ่ามือ
   
  7. ถูรอบข้อมือ
จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง


บางคนอาจจะสงสัยว่า เชื้อหวัดมันมากับอากาศ แล้วเราจะล้างมือไปทำไม ช่วยอะไรได้หรือ  จะเห็นว่าขนาดของอนุภาคที่ออกมามีตั้งแต่เล็กไม่กี่ไมครอน ไปจนกระทั่งถึง 1,000 ไมครอน เมื่ออนุภาคลอยออกมา พวกที่เล็กมากๆ จะระเหยไปและเชื้อก็ตายไป พวกที่เล็กปานกลางลอยไปได้ประมาณ 1-3 เมตร และลอยเข้าจมูกไปได้ ส่วนพวกที่ขนาดใหญ่ๆ บางทีจะติดตามมือที่เอาไปบังปากเวลาไอ จากนั้นก็ไปจับลูกบิดประตู จับโต๊ะ ทำให้เชื้อไปเปื้อนตามพื้นผิว คนที่เดินตามมาทีหลังจับเข้าไป เชื้อก็ไปอาศัยความชื้นจากเหงื่อในมือทำให้อยู่ได้นานขึ้น สุดท้ายพอเอามือไปขยี้ตา แคะจมูก หรือหยิบของเข้าปาก เชื้อโรคก็แล่นเข้าได้อย่างรวดเร็ว 

เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
1. การเดินทางไปยังพื้นที่ที่กำลังเกิดการระบาด
หากไม่มีความจำเป็น ควรชะลอการเดินทางไปยังพื้นที่ที่กำลังเกิดการระบาดจนกว่าสถานการณ์จะยุติลง 
แต่ถ้าจำเป็นต้องเดินทาง ให้
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ชุมนุมชนที่มีคนอยู่รวมกันหนาแน่น เนื่องจากมีโอกาสรับหรือแพร่กระจายเชื้อได้มาก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการรับเชื้อ 
- ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือปอดบวม 
- ปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ 
- หากท่านมีอาการป่วย เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก ปวดตามเมื่อยตามร่างกาย ให้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่โรคไปยังผู้อื่น และรีบไปพบแพทย์ 
- ปฏิบัติตาม คำแนะนำของรัฐบาลประเทศที่ท่านจะเดินทางไปอย่างเคร่งครัด 

2. ผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เกิดการระบาด
จะได้รับการแนะนำด้านสุขภาพจากทีมแพทย์ โดยให้หยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 7 วัน และสังเกตอาการตนเองทุกวัน 
หากเกิดอาการของไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ฯลฯ ควรสวมหน้ากากอนามัย หรือใช้กระดาษทิชชูปิดปากจมูกทุกครั้งที่ไอจาม และรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
กรณีที่อาการไม่รุนแรง แพทย์จะอนุญาตให้รักษาตัวที่บ้านได้ ควรหยุดงาน หยุดเรียน และงดไปในที่ชุมชน เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่น 

3. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดย 

3.1 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ ดื่มน้ำสะอาดและนอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และสุรา 
3.2 หมั่นล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการไอ จาม 
3.3 หากพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ภายในบ้าน หรือสถานที่ทำงานเดียวกัน ต้องรีบแจ้งสำนักงานสาธารณสุข หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วและหน่วยงานรับผิดชอบเข้าดำเนินการป้องกันการแพร่ระ​บาดทันที 

4. ติดตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด 
รวมทั้งข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข ข้อความถูกซ่อน: กรุณา สมัครสมาชิก 
หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่
- ศูนย์บริการข้อมูลทางฮ็อตไลน์ของศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธ​ารณสุข กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 1994 
- ศูนย์ปฏิบัติการ ฯ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 3333


   



การแพร่เชื้อ ไข้หวัด2009 เกิดขึ้นได้ยังไง

  ไข้หวัดใหญ่2009 ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ควรประมาท และในอนาคตอาจจะเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงกว่านี้ได้ และยังรวมไปถึงเรื่องโรคติดต่อทางเดินหายใจโรคอื่นๆ ที่ระบาดกันทุกๆ ปี และวันนี้หมอแมวขอนำเสนอเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่เกี่ยวกับการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ที่จะช่วยให้คุณและสังคมรอบข้างรอดพ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ไข้หวัด2009

วลาเราหายใจ พูด ไอ หรือจาม จะมีละอองฝอยของหยดน้ำลอยออกมาจากร่างกายของเรา (Droplets) หยดน้ำเล็กเหล่านี้สามารถลอยฟุ้งไปในอากาศได้และในระหว่างที่มันยังไม่ระเหยไปเชื้อโรค ไข้หวัด2009 ที่อยู่ในนั้นก็ยังสามารถแพร่ไปยังคนรอบข้างได้ ซึ่งระยะอันตราย คือ 1 เมตร ส่วนระยะการจามอาจจะไกลถึง 3 เมตร ดังนั้น ถ้าอยู่ใน กทม. แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะหลีกเลี่ยงละอองเหล่านี้


ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ( H1N1) มันคืออะไร

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (อังกฤษ: 2009 new-strain influenza) หรือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอชวันเอ็นวัน (อังกฤษ: influenza A (H1N1)) ไข้หวัดใหญ่จากสุกร (อังกฤษ: swine-origin influenza) ก็เรียก ได้ระบาดตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โดยเริ่มปรากฏครั้งแรกในนครเม็กซิโกซิตีกับส่วนอื่นๆ ของประเทศเม็กซิโก (ช่วงแรกจึงเรียกว่า ไข้หวัดเม็กซิโก) และในพื้นที่อีกหลายส่วนของสหรัฐอเมริกา อนึ่ง หน่วยงานสาธารณสุขหลายแห่งยังรายงานว่าในประเทศนิวซีแลนด์ยัง พบกรณีคล้ายจะเป็นการระบาดของไข้หวัดใหญ่ดังกล่าวอีกสิบกรณี แต่ยังไม่มีการรับรองรายงานดังกล่าว นอกจากนี้ ยังพบผู้ต้องสงสัยว่าจะป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่อีกหนึ่งพันรายทั่วโลก และเนื่องจากยังไม่อาจรับรองว่าผู้ป่วยดังกล่าวทุกคนเป็นไข้หวัดใหญ่ องค์การอนามัยโลกจึงเรียกภาวะเช่นนี้โดยรวมว่า "ภาวะเจ็บป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่" (อังกฤษ: influenza-like illnesses)

เนื่องจากสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถส่งผ่านระหว่างมนุษย์สู่มนุษย์ และส่งผลให้มียอดการตายของผู้ป่วยในประเทศเม็กซิโกสูงมาก องค์การอนามัยโลก และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: U.S. Centers for Disease Control) จึงร่วมกันแสดงความกังวลว่าสถานการณ์ครั้งนี้อาจเลวร้ายลงจนกลายเป็น "ภาวะระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่" (อังกฤษ: influenza pandemic) ได้[59] ในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552 องค์การอนามัยโลกจึงประกาศกำหนดอย่างเป็นทางการว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สุกรสายพันธุ์ใหม่ครั้งนี้เป็น "สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

http://www.thaias.co.cc/bbs/read.php?tid=37